การสังหารในเมืองบูชา ประเทศยูเครน  ถูกปิดกั้นโดย Facebook

        บริษัท Meta ซึ่งก็คือบริษัทที่มีการดูแล  application facebook ได้ออกมาปิดกั้นการเข้าถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับการก่อเหตุสังหารประชาชนในเมืองบูชาประเทศยูเครน

โดยทาง Facebook ได้ทำการปิดกั้นแฮชแท็ก  ไม่ให้ผู้ใช้บริการ Facebook นั้นได้มีการพูดถึงหรือเข้าไปแสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นการลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในหมู่ชาวสังคมโซเชียลดังนั้นช่วงที่มีเหตุการณ์ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องของการสังหารประชาชนในสงครามระหว่างรัสเซียกับประเทศยูเครนนั้น

จึงได้มีการปิดการค้นหาอัตโนมัติ  ซึ่งหลังจากปิดกั้นได้ไม่นานทางด้าน Facebook ก็ทำการปลดล็อคให้ด้วยเหตุผลในการปิดกั้นในครั้งนี้ว่าเกิดจากการทำงานอัตโนมัติของตัวระบบ 

         สำหรับโฆษกของบริษัทเมต้า ซึ่งก็คือนาย แอนดี สโตน  ได้ออกมาพูดถึงกรณีที่ทาง Facebook ได้มีการปิดกั้นแฮชแท็กความรุนแรงเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารประชาชนในประเทศยูเครนภายใต้การรุนแรงของสงครามระหว่างทั้งสองประเทศโดยระบุว่าทางบริษัทได้มีการตั้งโปรแกรมอัตโนมัติเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้วซึ่งถ้าหากว่าทางระบบอัตโนมัติมีการค้นพบว่าใน Facebook มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงของประเทศไหนหรือที่ไหนก็ตามแต่ ระบบจะมีการทำงานเองอัตโนมัติในการเข้าไปปิดกั้นแฮชแท็กที่ว่าดังกล่าวซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ใน Facebook เท่านั้นแม้แต่ Instagram เองก็มีระบบอัตโนมัตินี้เช่นเดียวกัน

          สำหรับ # ที่มีการถูกปิดกั้นการเข้าถึงล่าสุด ในเหตุการณ์การสังหารประชาชนในเมืองบูชานั้นก็คือ # bucha  and # buchamassacre นั้นเอง

ซึ่งเรื่องนี้ นาย แอนดี สโตน ระบุว่ามันเป็นการทำโดยขึ้นจากระบบอัตโนมัติเพราะที่ผ่านมาทาง Facebook นั้นได้มีการปิดกั้นการเข้าถึงความรุนแรงเอาไว้ดังนั้นเมื่อระบบอัตโนมัติค้นหาเจอว่ามีข้อความที่มีการพูดถึงกัน ในโลกออนไลน์

      ซึ่งข้อความที่มีการพูดถึงกันนั้นเป็นข้อความเกี่ยวกับเรื่องของความรุนแรงต่างๆเนื้อหาที่มีการโพสต์นั้นเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงระบบจึงได้มีการติดขึ้นมาเอง

โดยอัตโนมัติอย่างไรก็ตามหลังจากที่ทางบริษัทเมก้าทราบเรื่องก็รีบดำเนินการเข้าไปแก้ไขด้วยการให้ทางเจ้าหน้าที่นั้นเข้าไปทำการปลดล็อคระบบอัตโนมัตินั้นทันทีซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันนั้นสามารถที่จะเข้าถึงแฮชแท็กดังกล่าวได้แล้ว 

       อย่างไรก็ตาม นาย แอนดี สโตน ได้ออกมายืนยันว่าทาง Facebook นั้นไม่ได้มีการห้ามถ้าหากว่าชาวโซเชียลจะมีการโพสต์เนื้อหาที่มีความรุนแรงแต่เนื้อหาที่จะนำมาโพสต์นั้นก็ต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานชุมชนสำหรับการใช้งานโดยที่เนื้อหาที่มีการโพสต์เกี่ยวกับเรื่องของความรุนแรงนั้น

จะต้องดูแลว่าไม่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชนและไม่ได้ฝึกปั่นจิตสำนึกของผู้คนให้ออกมาใช้ความรุนแรงซึ่งหากว่าตรวจพบว่ามีความปลุกปั่นปลุกระดมให้ออกมาใช้ความรุนแรงและมีการละเมิดสิทธิมนุษย์ชนก็จะมีการลบเนื้อหาดังกล่าวออกจาก platform Social Media ไม่ว่าจะเป็น Instagram หรือ Facebook ทันทีเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย    ufabet